Saturday, August 31, 2013

JOB & WORK: การงานอาชีพ
THINK BETWEEN THE LINES : คิดระหว่างบรรทัด


 1

     ฉันมักถ่อไปซื้อเครื่องเขียนจากก๊ะ (พี่สาว) ร้านเครื่องเขียนเจ้าประจำ แม้จะมีร้านอื่นที่อยู่ใกล้ซอยกว่า เพราะก๊ะมักจะต้อนรับลูกค้าด้วยรอยยิ้ม ก๊ะรู้หมดว่าของทุกอย่างในร้านวางอยู่ตรงไหน อะไรที่มีหรือไม่มีบ้าง
     ในกรณีที่ไม่รีบมาก เวลาที่ไปส่งพัสดุ ณ ที่ทำการไปรษณีย์ ฉันก็เจาะจงเข้าแถวที่พนักงานหน้าตายิ้มแย้มเบิกบาน และให้คำแนะนำอย่างเป็นกันเอง แม้จะมีแถวอื่นๆที่สั้นกว่าก็ตาม
     ฉันชอบไปอุดหนุนร้านขายข้าวมันไก่อบน้ำผึ้งเจ้าเดิม แม้ว่าเธอจะมาเสิร์ฟและคิดเงินช้าหน่อย แต่ทุกขณะที่เธอตักข้าวมันไก่ใส่จาน เธอมีความสุขเสมอ รสชาติอร่อย ราคาถูกและเยอะด้วย อันนี้สำคัญ เพราะฉันเน้นปริมาณความจุ ให้กระเพาะมันอิ่ม
     ฉันอดอมยิ้มไม่ได้ เมื่อดูข่าวพนักงานจราจรที่เป่านกหวีดตามจังหวะพร้อมโชว์ลีลายักย้ายกลางสี่แยกไฟแดงที่มีรถคับคั่งในชั่วโมงเร่งด่วน โดยเฉพาะยามแดดร้อนทะลุองศาเดือด
  

เวลาที่ได้เจอคนที่ได้ทำในสิ่งที่รักและถนัด คุณเห็นด้วยกับฉันไหมว่า…
มีรังสีความสุขที่แผ่ออกมาจากคนๆนั้น ให้เราได้รับรู้และรู้สึกด้วย

2

     ตอนกรอกประวัติส่วนตัวเมื่อสองสามปีก่อน มีช่องหนึ่งที่ต้องเติมเกี่ยวกับเป้าหมายในอนาคต ฉันกรอกลงไปว่า
     “อยากเรียนรู้ในทุกๆวันของชีวิต ตอนที่ยังมีไฟอยู่ อาจเปลี่ยนที่ทำงานและอาชีพที่ทำไปเรื่อยๆ มีความสุขกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ หรือเรียนรู้สิ่งเดิมๆในมุมมองที่เปลี่ยนไป พอไฟเริ่มมอด เราก็จะค้นพบว่า สิ่งไหนที่เรารัก และพร้อมจะอยู่กับมันไปนานๆ จะเริ่มใช้ชีวิตนิ่งๆ อยู่กับครอบครัว ดูแลแม่ และหาโอกาสถ่ายทอดสิ่งที่เราได้รับมาให้กับคนอื่น”
     พอลองเอากลับมาอ่านอีกที ทำให้รู้สึกขำนิดๆว่า เออแฮะ! อย่างกับจะตอบคำถามชิงมงกุฎ รู้อย่างนี้ น่าจะต้องไม่ลืมขึ้นต้นก่อนตอบคำถามว่า ‘ขอบคุณสำหรับคำถามค่ะ’
     โลกที่หมุนผ่านไปในแต่ละวันทำให้ฉันเรียนรู้ว่า หนึ่งในบรรดาคนที่โชคดี คือ ‘คนที่ได้ทำงานในสิ่งที่ตัวเองรัก’
     คิดเอาง่ายๆว่า ในชีวิตของคนหนึ่งคน เราต้องเจอกับอะไรมาบ้างกว่าจะฝ่าฟันมาได้ถึงปัจจุบัน มีปัจจัยหลากหลายที่นำเราสู่สิ่งที่กำลังทำอยู่ขณะนี้ - ปัจจัยจากตัวเราเอง ตอนที่เราต้องลองผิดลองถูก ลองเรียนรู้ ศึกษา และลองทำหลายๆอย่างเพื่อค้นหาว่าอะไรคือสิ่งที่เรารัก ถนัด และเราสามาถใช้เวลาอยู่กับมันได้นานๆ - ปัจจัยจากครอบครัวที่สนับสนุนหรือคัดค้าน เพราะบางครั้ง ความเป็นห่วงและความรักของคนในครอบครัว ก็อาจเป็นอุปสรรคหนึ่งของการก้าวไปสู่ความฝัน ใครบางคนจึงอาจต้องซ่อนฝันเอาไว้ จนกว่าจะถึงเวลาอันเหมาะสมที่จะเปิดเผยมันออกมา เช่นที่บางคนอาจต้องเรียนตามความต้องการของครอบครัว แม้ว่าเขาจะไม่ได้รักหรือถนัดในสิ่งนั้นเลยก็ตาม – และปัจจัยอื่นๆที่มากมายประดามี จะอธิบายให้ถ้วนถี่คงไม่หมด
     ด้วยอายุเท่านี้ ฉันเข้าข้างตัวเองว่า ฉันประสบความสำเร็จในชีวิตประมาณหนึ่งแล้วแหละ ฉันได้ลองทำในหลายสิ่งอย่างที่ฉันรัก ได้สอนภาษา ได้ทำงานที่เกี่ยวกับตัวอักษร อย่างเช่นงานแปลและงานเขียน ได้ถ่ายภาพ ทำงานเก็บหอมรอมริบ และออกเดินทางไปเรียนรู้โลกในมุมต่างๆ ทั้งเพื่อเปิดโลกทัศน์ และได้นั่งนิ่งๆ ในสถานที่ที่แตกต่าง เพื่อฟังบทสนทนาของหัวใจตัวเอง ได้รับรู้ทั้งสุขและทุกข์ ... ได้รับรู้ว่า ‘เรากำลังใช้ชีวิต’
     แม้สิ่งที่ฉันกำลังทำอยู่ในขณะนี้ มันอาจจะดูไม่มั่นคงนักในสายตาของคนรอบข้าง แต่ฉันเชื่ออยู่ลึกๆว่า ถ้าเราได้ทำในสิ่งที่เรารัก เราจะมีพละกำลังต่อสู้กับอุปสรรคมากมายที่ขวางหน้า 

3

ขงจื๊อ นักปราชญ์ชาวจีน กล่าวไว้ว่า...
“จงเลือกงานที่คุณรัก แล้วคุณจะรู้สีกว่า คุณไม่ต้องทำงานเลยแม้แต่วันเดียว”
 “Choose a job you love, and you will never have to work a day in your life.”

JOB & WORK: การงานอาชีพ     
ENGLISH BETWEEN THE LINES : ภาษาอังกฤษระหว่างบรรทัด

     ขงจื๊อ (Confucius) ถือเป็นนักคิดและนักปรัชญาสังคมที่มีชื่อเสียงของจีนและของโลก ท่านมีชีวิตอยู่เมื่อสมัยประมาณ 500 ปีก่อนคริตศักราช ชาวไทยเรียกปราชญ์ผู้นี้ด้วยหลายหลากนาม เช่น ขงฟู่จื่อ ขงจื่อ ข่งชิว
     คำสอนของขงจื๊อนั้นฝังรากอิทธิพลลึกลงไปในสังคมเอเชียตะวันออกมาเป็นเวลาถึงยี่สิบศตวรรษ หลักปรัชญาของขงจื๊อเน้นเกี่ยวกับศีลธรรมส่วนตัวและศีลธรรมในการปกครอง ความถูกต้องเหมาะสมของความสัมพันธ์ในสังคม กระทั่งถึงความยุติธรรมและความบริสุทธิ์ใจ 


“Choose a job you love, and you will never have to work a day in your life.”
Confucius – ancient philosopher

  • Confucius เป็นนามภาษาอังกฤษที่เรียก ขงจื๊อค่ะ 
  • Choose a job you love = จงเลือกงานที่คุณรัก
  • and you will never have to work a day in your life = แล้วคุณจะรู้สีกว่า คุณไม่ต้องทำงานเลยแม้แต่วันเดียว
  • ขออธิบายว่า job กับ work ที่ดูเหมือนคล้ายแต่มีความหมายต่างกันนิดหน่อยค่ะ กล่าวคือ job  เป็นงานที่เมื่อทำแล้วได้เงินเป็นค่าตอบแทน ส่วน work คือ งานที่ต้องอาศัยความทุ่มเท อาจจะหนักหนา และบางทีก็ไม่ได้เงินเป็นค่าตอบแทน (แต่มันก็อาจมีความสุขปนอยู่ในนั้นด้วยค่ะ) 
  • หากกลัวจะจำสลับกัน ก็จำเอาง่ายๆว่า เราเรียกการบ้าน เป็นภาษาอังกฤษว่า ‘homework’ และเรียกงานบ้านว่า ‘housework’ งานทั้งสองอย่าง ทำแล้วเหนื่อย และไม่ได้เงิน แต่เราจะมีความสุขเมื่อทักษะเราเพิ่มหลังจากทำการบ้าน และเมื่อเราทำงานบ้าน บ้านเราก็จะสะอาดนั่นเองค่ะ
  • สุดท้ายแล้ว ของให้ทุกคนได้งานดีๆ และสนุกกับการทำงานนะคะ - Get a good job and enjoy your work!  
 
STORY BY : ตีกุฮ์  บือแน

No comments: