Friday, March 8, 2013

THE TIP OF ICEBERG : ยอดภูเขาน้ำแข็ง
THINK BETWEEN THE LINES : คิดระหว่างบรรทัด

1
     ช่วงนี้อาการอาร์ตตัวแม่ของฉันชักกำเริบหนัก พอสภาวะจิตใจอ่อนแอ ก็เริ่มทำตัวเป็นพวกคิดมาก เก็บเรื่องเล็กๆน้อยๆ มาใส่หัวจนทำให้ชีวิตเสียสมดุล ทั้งๆที่รู้ว่าเราต้องจูนชีวิตตัวเองเสียใหม่ แต่ก็ทำไม่ได้ซักกะที
     พี่โน้ต อุดม เคยกล่าวไว้ในเดี่ยว 7 ถึงบรรดาแม่เจ้าประคุณรุนช่องที่เป็นผู้หญิงทั้งหลายว่า พวกคุณเธอถือเป็นศิลปะแขนงหนึ่ง อย่างที่หลายๆคนทราบ ‘ศิลปะ’ เป็นสิ่งซับซ้อน คาดเดาอะไรไม่ค่อยจะได้ พี่โน้ตเขาว่าไว้...

“ผู้หญิงเป็นศิลปะแบบตัวแม่ หรือ อาร์ตตัวแม่ ที่ลึกลับซับซ้อนกว่างานอาร์ตใดๆบนพื้นพิภพ”
     ดังนั้น จึงไม่แปลกเลยที่คุณผู้ชายทั้งหลาย มักโอดครวญว่าผู้หญิงอย่างเราๆ เข้าใจยากอยู่เสมอ นั่นคงเพราะสิ่งที่พวกผู้หญิงแสดงออกผู้ชายรับรู้ เป็นเพียงแค่ยอดภูเขาน้ำแข็งเท่านั้นเอง




2
     Tip of Iceberg มีความหมายโดยตรงคือ ยอดของภูเขาน้ำแข็ง ส่วนความหมายโดยนัย คือ สิ่งเล็กน้อยที่เรามองเห็นภายนอก เหมือนกับยอดของภูเขาน้ำแข็งที่โผล่อยู่เหนือน้ำ มันเป็นแค่ส่วนเสี้ยวของทั้งหมด มวลรวมแท้จริงยังมีเบื้องหลังซุกไว้ และเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็นอีกเยอะมาก
     ทฤษฏีของภูเขาน้ำแข็ง มีกล่าวไว้ในแวดวงวิชาการหลายแขนง
    ครั้งแรกที่ฉันเคยได้ยินหัวข้อเกี่ยวกับภูเขาน้ำแข็ง (Iceberg Metaphor) เป็นตอนสมัยที่เข้าปีหนึ่งใหม่ๆ แล้วต้องเรียนวิชาจิตวิทยาเบื้องต้น
     ซิกมันด์ ฟรอยด์ (Sigmund Freud) บิดาแห่งจิตวิทยาผู้ริเริ่มให้ความสนใจกับจิตใต้สำนึก เขาเปรียบเทียบว่า จิตใจมนุษย์มีสภาพคล้ายภูเขาน้ำแข็งที่ลอยอยู่ในมหาสมุทร มีส่วนที่อยู่เหนือผิวน้ำเป็นส่วนน้อย มีส่วนอยู่ใต้ผิวน้ำเป็นส่วนใหญ่ บทความฉบับนี้ จึงอยากลองขออธิบายทฤษฎีจิตวิทยายากๆให้อยู่ในรูปแบบง่ายกันดูบ้าง ตามภาพเลยค่ะ
  • ภาวะจิตระดับที่มีความสำนึกควบคุมอยู่ เช่นเดียวกับส่วนของน้ำแข็งที่อยู่เหนือผิวน้ำ 
  • ภาวะจิตระดับใต้สำนึกเหมือนส่วนที่อยู่ใต้ผิวน้ำ เป็นที่สะสมองค์ประกอบของจิตไว้มากมาย
     พลังจิตสำนึกและจิตใต้สำนึกกระตุ้นให้มนุษย์ประกอบพฤติกรรมต่างๆ นานา พฤติกรรมบางประเภทถูกกระตุ้นโดยจิตสำนึกอย่างเดียว (Conscious Mind) เช่น รับประทานอาหาร ยิ้ม ไปโรงเรียน บางประเภทถูกกระตุ้นโดยจิตสำนึกและจิตใต้สำนึกปะปนกัน (Preconscious Mind) เช่น บางคราวเผลอพูด คิด ทำ แล้วมีสติระลึกได้ทันทีว่าควรหรือไม่ควร จึงเปลี่ยนคำพูด วิธีคิด พฤติกรรมบางประเภทถูกกระตุ้นโดยจิตใต้สำนึกอย่างเดียว (Unconscious Mind) เช่น ความฝัน การละเมอ การพลั้งปากพูดคำหยาบ การทำอะไรอย่างเผลอไผลไม่รู้ตัว
     ฟรอยด์ได้ให้ความสนใจกับจิตใต้สำนึกของมนุษย์ที่มีอารมณ์หลากหลายซ่อนอยู่ภายใน อันเป็นแรงจูงใจให้เกิดพฤติกรรมไร้เหตุผลและผิดปกติในลักษณะต่างๆ ซึ่งอารมณ์เหล่านั้นอาจจะแสดงออกมาในขณะที่ได้รับสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อจิตใจอย่างหนักหน่วง ไม่ว่าจะเป็นเวลาโกรธสุดๆ ดีใจสุดๆ หรือเวลาสับสนมากๆ เหมือนกับคลื่นยักษ์ถาโถมเข้ามาหาภูเขาน้ำแข็งแล้วน้ำแข็งส่วนที่ซ่อนอยู่ใต้ผิวน้ำก็โผล่ออกมาให้เราเห็นนั่นเอง
     ยกตัวอย่างง่ายๆ เหมือนที่คนบางคน เมื่อดีใจสุดๆ อาจกระโดดโลดเต้นโดยไม่รู้ตัว หรือคนบางคนที่โกรธสุดๆอาจขว้างปาสิ่งของโดยไม่รู้ตัว เช่นเดียวกันกับคนที่นั่งร้องไห้ทีหลังเมื่อรู้ว่าสิ่งที่ปาออกหน้าต่างไปก็คือกระปุกออมสินกับเงินที่เก็บตลอดทั้งปี   
 
3
     อีกครั้งหนึ่ง ฉันเรียนรู้เรื่องทฤษฎีภูเขาน้ำแข็งผ่านสไตล์การเขียนของนักเขียนชาวอเมริกัน นาม ‘เออร์เนสต์ เฮมมิ่งเวย์’ (Ernest Hemingway) สไตล์การเขียนของเฮมมิงเวย์ใช้ประโยคสั้น กระชับ เขียนด้วยภาษาเรียบง่ายทว่ามีพลัง ก่อให้เกิดจินตภาพชันเจนและสื่อถึงความหมายแฝงอย่างน่าอัศจรรย์
    ผลงานเรื่องสั้นของเฮมมิ่งเวย์ที่ฉันเคยอ่านมีชื่อว่า ‘Hills Like White Elephants’ ถ่ายทอดเรื่องราว ณ สถานีรถไฟแห่งหนึ่งในสเปน ท่ามกลางอากาศอันร้อนระอุและเปลวแดดแผดเผา หนุ่มสาวคู่หนึ่งกำลังรอรถไฟไปมาดริด บทสนทนาของทั้งสองดำเนินไปอย่างเรียบง่าย ในบาร์เบียร์เล็กๆ ริมทางรถไฟ มีถ้อยคำที่ชายหนุ่มได้เอ่ยออกมาธรรมดาๆว่า 


“It's just to let the air in”
“But I don't want anybody but you,” 
     ทว่าหากเรามองลึกลงไป แล้วทราบความจริงที่ว่า หญิงสาวคนนั้นกำลังตั้งครรภ์และชายหนุ่มคนรักกำลังบอกหญิงสาวให้ไปทำแท้งซะ ด้วยคำพูดแสนเรียบง่ายว่า “ก็แค่แทนที่มันด้วยอากาศ” แถมยังตบท้ายด้วยคำบอกรักที่แสนเจ็บปวดว่า “ฉันเอง...ก็แค่ไม่อยากมีใครนอกจากเธอ” กลับดูไม่ธรรมดา และเป็นคำกล่าวอันแสนเจ็บปวดที่บาดลึกลงในใจของหญิงสาว เมื่อบทสนทนายังคงดำเนินต่อไปอย่างไร้วี่แววว่าจะจบ สาวเสิร์ฟในบาร์คนหนึ่งก็เดินเข้ามาพร้อมกับโน้ตเล็กๆบอกชายหนุ่มว่า อีกห้านาทีรถไฟก็จะมาถึงแล้ว ชายหนุ่มเก็บกระเป๋าไปรอรถไฟอีกฟากตรงข้าม แต่รถไฟก็ไม่มา สุดท้ายชายหนุ่มก็เดินกลับมาหาหญิงสาวคนรักที่ยังนั่งอยู่ในร้าน แล้วถามว่า “รู้สึกดีขึ้นกว่าเก่าไหม” หญิงสาวตอบว่า “ก็สบายดีนี่ ไม่เห็นมีอะไรผิดปกติเลยเห็นไหม ใช่แล้วล่ะ ฉันสบายดี”
    ฉันรู้สึกชื่นชมเฮมมิ่งเวย์ ไม่ใช่แค่เพราะตัวอักษรของเขาสร้างจินตภาพชัดเจนเท่านั้น แต่ทุกสิ่งอย่างที่เขาหยิบยกมาเล่านั้นต่างสะท้อนความหมายลึกซึ้ง รถไฟที่เปรียบเสมือนการเลือกตัดสินใจไปหรือไม่ไป ซ้ายหรือขวา ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง สภาพอากาศอันร้อนระอุเหมือนบทสนทนาแล้งน้ำใจของชายหนุ่มที่แผดเผาจิตใจของหญิงสาว การตั้งครรภ์ของหญิงสาวที่เหมือนคลื่นยักษ์ที่สาดซัดให้จิตใต้สำนึกของชายหนุ่มเผยออกมา และคำตอบสุดท้ายที่หญิงสาวบอกชายหนุ่มว่า “ฉันสบายดี” จริงๆแล้วเธอสบาย(ใจ)ดี จริงหรือ? สไตล์การเขียนที่บอกเล่าเหตุการณ์ด้ยภาษากระชับแสนเรียบง่ายราวกับยอดภูเขาน้ำแข็งและคำพูดและตัวอักษรเพียงน้อยนิดกลับแฝงความหมายลึกล้ำมหาศาล
    หลายคนอาจสงสัยว่า ช้างเผือก หรือ White Elephants ที่ตั้งเป็นชื่อเรื่องเกี่ยวอะไรกันกับเนื้อเรื่อง White Elephants มีความหมายที่เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงการตั้งครรภ์ เท่าที่ทราบ มีคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ในสองแง่มุม แง่มุมแรก ในทางพุทธศาสนา เมื่อพระมารดาของพระพุทธเจ้าทรงครรภ์นั้น พระองค์ทรงพระสุบินเห็นช้างเผือกอันเป็นนิมิตถึงผู้นำอันทรงเกียรติ ส่วนอีกแง่มุมหนึ่ง เป็นทรรศนะที่ทับซ้อนเหลื่อมล้ำระหว่างชาวตะวันออกกับตะวันตก ชาวตะวันออกมองว่าช้างเผือกเป็นสิ่งเลอค่าและคู่ควรกับกษัตริย์ ทว่าชาวตะวันตกถือเป็นสิ่งที่เป็นภาระหนักหน่วงสาหัสสากรรจ์ คนที่จะเลี้ยงช้างเผือกได้ต้องเป็นคนระดับชั้นกษัตริย์เท่านั้น มีกฎมณเทียรบาลอันหนึ่งที่หากกษัตริย์มอบช้างเผือกแก่ผู้ใดย่อมหมายถึงบุคคลผู้นั้นต้องโทษอันหนักหนาและซวยซ้ำซ้อน เพราะของกำนัลจากกษัตริย์ ไม่อาจปฏิเสธได้และต้องเลี้ยงดูอย่างดีเช่นเดียวกัน นี่ถือเป็นอีกหนึ่งความแยบยลของเฮมมิ่งเวย์ที่เปรียบเทียบครรภ์ของผู้หญิงเหมือนกันช้างเผือกที่เป็นภาระต้องดูแลกันไม่จบสิ้นนั่นเอง  


4
    ไม่รู้เหมือนกันว่าหากเรามองเห็นจิตใจมนุษย์ในส่วนที่อยู่ใต้ผิวน้ำ มันจะดีไหม แต่สิ่งที่ฉันเชื่อแน่ๆว่ามันจะดี คือ การยอมรับและเข้าใจกันและกัน บางครั้งเราก็ต้องมองโลกอย่างละเอียดอ่อน รู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา แต่บางคราวเราเองก็ต้องมองข้ามเรื่องเล็กน้อยเห็บหอยในชีวิต และเก็บไม่เอามาคิดมากจนทำให้ชีวิตเสียสมดุล
     เอ่อ...ทำเป็นปรัชญาดี พูดดีไปงั้น ถึงคราวจริงแล้วก็หกล้มได้แผลอยู่ไม่น้อยเหมือนกัน 

THE TIP OF ICEBERG : ยอดภูเขาน้ำแข็ง
ENGLISH BETWEEN THE LINES : ภาษาอังกฤษระหว่างบรรทัด
    The Tip of the Iceberg เป็นสำนวนภาษาอังกฤษสำนวนหนึ่ง มีความหมายว่า เป็นแค่จุดเล็กๆ ส่วนเล็กๆ ของสิ่งที่ใหญ่มาก ประมาณว่านัยปัญหา ร่องรอยเล็กๆของประเด็นหรือปัญหาที่เรารู้เราเห็นเพียงแค่ผิวเผิน จริงๆแล้วยังมีปัญหาที่ใหญ่กว่าแฝงอยู่ เพื่อให้เห็นกันชัดๆ ขอยกตัวอย่างเลยดีกว่า 
  • This technology is the tip of the iceberg, the very beginning of modern telecommunications. 
  • เทคโนโลยีนี้เป็นเพียงจุดเริ่มของการโทรคมนาคมสมัยใหม่ 
  • Suvarnabhumi runway cracks are just the tip of the iceberg. 
  • รันเวย์ร้าวเป็นแค่ปัญหาส่วนหนึ่งที่โผล่ให้เห็นของสนามบินสุวรรณภูมิ  
  • ขอขอบคุณข้อมูลของทฤษฎีภูเขาน้ำแข็งของฟรอยด์จาก www.novabizz.com/NovaAce/Subconscious.htm   
  • ขอบคุณสาระความรู้ดีๆ ของสำนวน “The Tip of the Iceberg” จากเพจของ ike-tomatte ค่ะ แนะนำไปอ่านสำนวนอื่นๆ เล่นๆ แก้เบื่อกันได้ตามลิ้งค์นี้เลยค่ะ http://albertpotjes.wordpress.com 
  • ส่งท้ายกันด้วยภาพน่ารักๆ แต่เจ็บจี๊ดกันไปไม่น้อย จาก http://dailyfun.us ค่ะ  
  

STORY BY : ตีกุฮ์  บือแน

Thursday, March 7, 2013

MATURITY : วุฒิภาวะ
THINK BETWEEN THE LINES : คิดระหว่างบรรทัด




1

สมัยอยู่มัธยมต้น 
ซายากะนึกอยากจะทำอะไรก็ลงมือทำทันที
โดยไม่คิดหน้าคิดหลัง
พอนึกถึงวันเวลาเหล่านั้นก็เหงาขึ้นมานิดหน่อย
บางที…เธอคงเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมานิดหนึ่งแล้ว
แต่การเป็นผู้ใหญ่นั้น 

หมายถึงการต้องสูญเสียบางสิ่งไปเช่นกัน

ซายากะ สาวน้อยนักสืบ ตอนที่ 4 สุดสัปดาห์สีม่วง







          ‘ซายากะ สาวน้อยนักสืบ’ เป็นวรรณกรรมเยาวชนแนวสืบสวนสอบสวนสัญชาติญี่ปุ่น เขียนโดย อะคากะวา จิโร นักเขียนแนวสืบสวนสอบสวนชวนอารมณ์ขันชื่อดัง แน่นอนว่า เล่มที่ฉันอ่านเป็นฉบับแปลภาษาไทย ซึ่งแปลโดยคุณวิภา งามฉันทกร
          ตัวละครเอกของเรื่องมีนามว่า ‘ซายากะ’ แต่มักมีคนเรียกเธอว่า ‘ซายาวากะ’ ที่แปลว่า ‘แจ่มใส’ ตามตัวตนที่เธอแสดงออก ลักษณะเด่นของซีรีส์แนวสืบสวนเล่มนี้ อยู่ที่แต่ละตอนของเรื่อง ซายากะจะมีอายุเพิ่มขึ้นหนึ่งปี นั่นย่อมแสดงว่าเธอมีอันต้องไปข้อเกี่ยวกับคดีต่างๆ ทุกปี ตอนแรกของเรื่องเป็นตอนที่ตัวเอกอายุ 15 ปี ดังนั้นในตอนที่ 4  สุดสัปดาห์สีม่วง ซายากะจึงมีอายุย่างเข้า 18 ปี เธอยังคงแจ่มใสและห้าวหาญ เมื่อเผชิญกับคดีที่เกิดขึ้นท่ามกลางสิ่งเร้าใจวัยรุ่นยุคใหม่ ท้าทายช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ ตามวัฒนธรรมญี่ปุ่นที่เปรียบเปรยว่า ชีวิตช่วงนี้เป็นเหมือนสีม่วง 

2

          จริงหรือไม่ที่ใครๆเขาว่าไว้ว่า ถ้าใครเริ่มพูดถึงเรื่องสมัยก่อนเมื่อไหร่ แสดงว่าคนๆนั้นเริ่มแก่แล้วหากไม่นับในทางกฎหมายที่ระบุว่าบุคคลบรรลุนิติภาวะเมื่ออายุกี่ขวบปี ฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า คนเราจะเริ่มเป็นผู้ใหญ่ตอนอายุเท่าไหร่ พูดถึงประเด็นอายุ ฉันก็ยิ่งคิดมากไปอีกว่า เราให้คำนิยามของความเป็นผู้ใหญ่ไว้ว่าอย่างไร
          แม่บอกว่า ถ้าอยากเดินทางไปไหน หรืออยากทำอะไรที่มีความเสี่ยงสูง ให้ฉันรีบทำตอนยังอายุน้อยๆ เพราะตอนนั้น เรายังไม่มีภาระผูกพัน ยังไม่มีสามี ยังไม่มีลูก ยังไม่ต้องวิตกกังวลกับผลกระทบต่อผู้อื่นหากเราเป็นอะไรไป ฉันไม่ได้เชื่อฟังแม่หมดทุกเรื่อง แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า เป็นไปได้ไหมว่า การเป็นผู้ใหญ่คือการที่เราเป็นพ่อคนแม่คน
          แต่คงไม่ใช่หรอก ฉันยังเห็นเด็กวัยรุ่นสมัยนี้หลายคน โตไวกันเหลือเกิน มีลูกตั้งแต่ยังไม่มีวุฒิภาวะด้วยซ้ำ โธ่! ใช่ว่าการที่ “ผมทำผู้หญิงท้องได้” หรือ “หนูตั้งครรภ์ได้” มีความเจริญเติบโตทางร่างกายพร้อม จะมีความหมายเดียวกับการเป็นพ่อคนหรือแม่คนได้เสียหน่อย
          เขียนมาถึงตอนนี้ก็รู้สึกเหมือนกันว่าตัวเองออกจะพูดจาแก่แดดไปเสียหน่อย ทั้งๆ ที่อายุก็ไม่ได้เลยวัยทีนมากมาย
          อย่างไรก็ดี ฉันรู้สึกโดยส่วนตัวว่า การเป็นผู้ใหญ่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับประเด็นทางอายุเสมอไป ปัจจัยที่กำหนดการเป็นผู้ใหญ่สำหรับฉันคือ การมีวุฒิภาวะต่างหาก สาเหตุที่ทำให้ฉันคิดไปอย่างนั้น อาจเป็นเพราะ บุคคลที่เรียกตัวเองว่าเป็นผู้ใหญ่หลายคน ทำให้ฉันก็พบกับความจริงที่ว่า ‘วุฒิภาวะ ไม่ได้งอกขึ้นตามหนวดเครา’

3

Maturity is when your world opens up
and you realize that you are not the center of it.

M.J.Croan
          นักเขียนชาวตะวันตกท่านหนึ่ง กล่าวว่า “วุฒิภาวะ คือ การที่เราเปิดใจกว้าง และตระหนักได้ว่าเราไม่ได้เป็นศูนย์กลางของโลก” 

Maturity is not when we start speaking BIG things.
It is when we start understanding small things.

Rishika Jain’s Inspiration

          Rishika Jain กวีชาวอินเดีย กล่าวไว้อย่างน่าฟังว่า “วุฒิภาวะ หาใช่ตอนที่คนๆหนึ่งริจะพูดถึงสิ่งยิ่งใหญ่ แต่มันกลับหมายถึงตอนที่คนๆนั้นเริ่มเข้าใจกับสิ่งเล็กๆ ต่างหาก

          ฉันไม่รู้ว่า การเป็นเด็กหรือการเป็นผู้ใหญ่มันมีดีมากกว่ากัน แต่เชื่อแน่ว่า มีหลายคนบนโลกใบนี้ หลงรักวัยเด็กมากพอกันกับที่อยากโตเป็นผู้ใหญ่
             ฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้น

MATURITY : วุฒิภาวะ
ENGLISH BETWEEN THE LINES : ภาษาอังกฤษระหว่างบรรทัด
  • Maturity หมายถึง การเติบโตเต็มที่ การเจริญเติบโตเต็มวัย ความเป็นผู้ใหญ่ 
  • Maturity เป็นคำนาม ที่มาจากคำว่า mature + (-ity)  
  • Mature หากเป็นคำกริยา (verb) จะหมายถึง บ่ม ทำให้สุก ทำให้เจริญ มีพัฒนาการ หากเป็นคำคุณศัพท์ (adjective) จะหมายถึง เจริญเต็มที่ สุกงอม ถึงกำหนด 
  • Premature pregnancy หมายถึง การท้องก่อนวัยอันควร 
  • I’m Not A Girl, Not Yet A Woman. เป็นบทเพลงหนึ่งของ Britney Spears ที่เธอร้องสมัยยังเป็นวัยใส ประโยคนี้ใช้ได้เลยค่ะสำหรับสาวๆที่อยู่ในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อ จะเป็นเด็กก็ไม่ใช่ เป็นผู้ใหญ่ก็ไม่เชิง    
  • I’m not a boy, not yet a man มีความหมายไม่ต่างจากประโยคข้างบนเท่าไหร่ แค่จะเปลี่ยนเพศเป็นเพศชายเท่านั้น 
  • He’s not my friend, not yet a boyfriend. ผู้ชายคนนี้ป่าวเป็นเพื่อนหนูนะคะ แต่ก็ใช่ว่าจะถึงขั้นเป็นแฟน ระดับกิ๊กคงพอไหว   
  • I’m not a man, not yet a woman. คงเป็นประโยคที่ใช้ได้สำหรับคนหนุ่มที่ใจเป็นสาว และอยากตะโกนร้องบอกคนทั้งโลกว่า หนูกำลังจะข้ามไปหาความสาวแล้วจ้า
          หวังว่า ผู้อ่านทุกท่านที่ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ เป็นชายหรือหญิง เป็นเพื่อน กิ๊ก หรือว่าแฟน คงสนุกกับเอาตัวอย่างประโยคภาษาอังกฤษเล็กๆ ไปปรับใช้กันนะคะ 

STORY BY : ตีกุฮ์  บือแน